เทศน์เช้า วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะ ธรรมะ เห็นไหม เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ท่านถึงได้แบ่งไว้ว่า สมมุติบัญญัติ โลกสมมุติ การเวียนว่ายตายเกิดนี่โลกสมมุติ โลกสมมุติทำไมมันทุกข์ขนาดนี้ โลกสมมุติ มันสมมุติบัญญัติ อย่างเช่นวันนี้วันแม่ เขาสมมุติให้เป็นวันแม่ สมมุติว่าเป็นวันแม่นะ วันแม่เพราะอะไร เพราะว่าวันคลอด นั่นล่ะแม่ เราเกิดมาจากพ่อจากแม่ วันนี้วันแม่
ถ้าวันแม่ ด้วยความรักความผูกพัน มันเรื่องธรรมชาติ เรื่องความรักความผูกพัน แต่เวลาเขาจัดพิธีล้างเท้าพ่อแม่กัน อยู่บ้านก็รักกัน อยู่บ้านก็มีความสัมพันธ์กัน แต่เวลาไปล้างเท้า ด้วยความสะเทือนใจ โอ๋ย! น้ำตาท่วมศาลาเลยล่ะ แม่ก็ร้องไห้ ลูกก็ร้องไห้ นี่มันสะเทือนใจไง ความสะเทือนใจอันนั้น วันนี้วันแม่ ถ้าวันแม่ วันสะเทือนใจ มันสะเทือนใจถ้าคนมันได้คิดนะ น้ำแก้วหนึ่ง มีน้ำสักแก้วหนึ่ง อาหารสักมื้อหนึ่งให้พ่อให้แม่ เราเอาไปให้ ดีกว่าไปตั้งหน้าศพนะ
เวลาหน้าศพมันเป็นประเพณี เราต้องตั้ง เวลาตั้งหน้าศพ น้ำแก้วหนึ่งตั้งไว้หน้าศพ จุดธูปจุดเทียน แม่กินนะ แม่กินนะ เอาไปตั้งหน้าศพ น้ำแก้วนั้นช้าเกินไป แต่ในปัจจุบันนี้ น้ำแก้วหนึ่ง ข้าวสักมื้อหนึ่งเอาไปยื่นให้ การยื่นให้มันสะเทือนใจนะ มันสะเทือนใจเพราะอะไร เพราะการยื่นให้ พ่อแม่ต้องการความคิดถึง ต้องการหัวใจ แต่สิ่งที่ยื่นให้ เพราะแก้วน้ำมาได้ต้องคนเอามา คนเอามาต้องมีความคิด ถ้าคนคิดมันเอาสิ่งนั้นมาแสดงว่า อ๋อ! ลูกมันคิดถึงเรา ถ้าลูกมันคิดถึงเรา พ่อแม่อบอุ่น
แต่ถ้ามันไม่คิดถึงเรา น้ำแก้วหนึ่งจะมีค่าอะไร ไอ้ลูกก็มองแบบนั้นใช่ไหม โอ๋ย! พ่อแม่ก็เปิดเอาสิ น้ำแก้วก็ตักเอาเองก็ได้ น้ำในตุ่มในไหมันเยอะแยะ ก็เดินไปตัก ทำไมต้องให้ลูกมันวุ่นวายขนาดนั้นล่ะ
เขาไม่ต้องการน้ำ เขาต้องการความคิดถึง เขาต้องการน้ำใจ เขาต้องการความผูกพัน เขาต้องการตรงนั้น เขาไม่ต้องการน้ำอันนั้น เห็นไหม น้ำแก้วหนึ่งๆ เราก็มองต่างมุมกันไง ไอ้ลูกก็ว่า แหม! ทำไมพ่อแม่ขี้เกียจ น้ำแก้วหนึ่งก็ลุกไปตักไม่ได้ ไอ้ลูกก็ว่าน้ำแก้วหนึ่งมีค่าเท่าไร
แต่น้ำใจมันมีคุณค่ามากนะ ถ้าน้ำใจมีคุณค่ามาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ถึงว่า นี่โลกสมมุติ ถึงสมมุติมันก็สมมุติจริงๆ สมมุติภพชาติหนึ่งนะ ถ้าสมมุติภพชาติหนึ่ง การเวียนว่ายตายเกิด ผลัดกันเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกกันมานะ ผลัดกันไป มีพ่อมีแม่แล้วก็มีลูก มีลูกมีครอบครัวมันก็มีลูกต่อไป นี่ผลัดกันเป็นพ่อ ผลัดกันเป็นแม่ ถ้ามันไม่ได้ทำสิ่งใดไว้มันก็ไม่ได้สิ่งนั้น ถ้ามันทำสิ่งใดไว้มันจะได้สิ่งนั้น เราก็เห็นแต่ภพชาติปัจจุบันใช่ไหม
เราเกิดมาเราก็มีพ่อมีแม่ เราก็มีลูกมีเต้าของเราเหมือนกัน แล้วลูกเต้า จิตเวียนว่ายตายเกิด ใครไปรู้ว่าจิตดวงไหนเวียนว่ายตายเกิด จิตดวงไหนมันผลัดกันไปเป็นอย่างไร เดี๋ยวเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูกผลัดกันอยู่อย่างนี้ นี่มันผลัดกันไป ผลัดกันมา จิตมันไม่เคยตาย ถ้าจิตไม่เคยตาย เราทำบุญกุศลของเรา
วันนี้มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมของเรา ถ้าวันนี้เป็นวันแม่ วันแม่เราก็ทำคุณงามความดีของเรา เพราะวันแม่มันเป็นวัฒนธรรมนะ มันเป็นเรื่องสิ่งที่ดีงาม มันจะมีค่าอะไร แก้วแหวนเงินทองเยอะแยะ สมบัติพัสถานถ้าคนดีเขาแบ่งปันกัน ถ้าสมบัติพัสถาน ของเล็กน้อยทำให้ผิดใจกัน ทำให้บาดหมางน้ำใจกัน สิ่งที่ทำให้บาดหมางน้ำใจ เราไปบาดหมางน้ำใจทำไม ของแค่นั้น เศษกระดาษ ไปบาดหมางน้ำใจทำไม เราเกิดมาเป็นพี่เป็นน้องกัน เราเกิดมาเป็นสายเลือดเดียวกัน เราเกิดมานี้เราเกิดมาร่วมตระกูลเดียวกัน ของแค่นี้จะเอาให้มันไป ถ้าจิตใจมันคิดอย่างนั้นให้มันเอาไป
แต่ถ้าจิตใจของเรา เราสร้างหัวใจของเราให้หัวใจของเรา ใช่ เราอาจจะขาดตกบกพร่อง ทางโลกเขาจะบอกว่าเราไม่ทันคนๆ แต่กูทันหัวใจกู กูทันธรรมะ กูจะสร้างหัวใจกูให้เข้มแข็ง หัวใจเข้มแข็ง เขาไม่ทันมันเรื่องของเขา
นี่พูดถึงว่า วันพ่อ วันแม่ ถ้าวันพ่อ วันแม่ โยมก็มีพ่อมีแม่ เราก็มีพ่อมีแม่เพื่อให้อุปัฏฐาก เราก็มีลูกมีเต้าให้ดูแล แล้วเวลาถือพรหมจรรย์ล่ะ เราถือพรหมจรรย์ เราไม่มีลูกมีเต้าทำอย่างไรล่ะ อ้าว! ไม่มีลูกมีเต้าทำอย่างไร อ้าว! พระใครจะมาดูแลพระ แล้วพระไปดูแม่ที่ไหนล่ะ
พระก็มีพ่อมีแม่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพ่อ พระธรรมเป็นแม่ เวลาพระธรรมเป็นแม่ สิ่งที่สัจธรรมๆ เราประพฤติปฏิบัติกัน ถ้าใจเข้าถึงธรรมๆ ถ้าเข้าถึงธรรม เราถือพรหมจรรย์ๆ เราไม่มีลูกมีเต้า ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีสามเณรราหุล เวลาสามเณรราหุลจะมาขอสมบัติ เราจะให้สมบัติสิ่งใด สมบัติสถานะเป็นกษัตริย์ เราจะให้สมบัติที่เป็นสัจจะ ให้พระสารีบุตรบวชให้ แล้วให้พระสารีบุตรเป็นคนสั่งคนสอน สอนสามเณรราหุลจนเป็นพระอรหันต์ขึ้นมา
ความเป็นพระอรหันต์ๆ ขึ้นมา สิ่งที่เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา อันนั้นเป็นความจริง เราถือพรหมจรรย์ๆ เราอุปัฏฐากให้หัวใจของเราให้ถึงพ่อถึงแม่ของเรา ถึงพ่อคือถึงพุทธะ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต เราจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไปอุปัฏฐากพ่อของเรา เราจะไปอุปัฏฐากหัวใจของเรา เราจะเข้าถึงแม่ของเราคือสัจธรรมๆ
ดูสิ เวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะมีลูกมีเต้าไหม แต่เวลาพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเทศนาว่าการมา เทศนาว่าการจนป่านนี้ เวลาใครเทศน์ธรรมะก็บอกว่า พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ ยังคิดถึงพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะมา ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว ๒,๐๐๐ กว่าปีเรายังเชิดชู เชิดชูคุณธรรมของพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ
แล้วเราก็ไปห่วงกัน เราต้องมีลูกมีเต้า เราต้องมีครอบครัว เราต้องมี...นั้นมันเป็นเรื่องสมมุติ เป็นเรื่องของโลก แล้วสมมุติ สมมุติแล้วเวลาสิ่งที่มีความสุข อย่างวันนี้มาล้างเท้ากัน แล้วน้ำตาท่วมเลย ล้างเท้ากัน นี่ผลของวัฏฏะ ที่ไหนมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ความรักความผูกพันมันก็เป็นทุกข์อันหนึ่ง แต่ความรักความผูกพันมันเป็นเรื่องทางโลก เรื่องเวรเรื่องกรรมเราก็ต้องบริหารจัดการ
คนที่มีบุญกุศลเป็นอามิสๆ บุญ บริหารมันอย่างไร จัดการมันอย่างไร บุญมันคืออะไร? บุญคือความสุขในหัวใจของเรา บุญคือในครอบครัวของเราคุยกันรู้เรื่อง บุญคือการคุยกันเข้าใจ บุญคือเราคุยกันมีความสุข นั่นล่ะคือบุญ
บาป บาปคือการบาดหมาง การสะเทือนใจกัน การทำให้หัวใจเจ็บช้ำ มีแต่ความเศร้า นั่นคือบาป แล้วบุญกับบาปมันก็มาในฐีติจิต มาในอันเดียวกัน นี่ภวาสวะ ภพ บุญหรือบาปมันเกิดมาจากไหน? เกิดมาจากความรู้สึกนึกคิด เกิดจากการกระทำ แล้วคนกระทำ ทำให้มีสติปัญญาของมัน ได้ทำคุณงามความดีของมัน นี่วันพ่อ วันแม่ วันแม่ของผู้ที่จะเข้าถึงธรรม พระพุทธ พระธรรม เราจะประพฤติปฏิบัติ เราจะเข้าถึงหัวใจของเรา
แล้วไม่ต้องห่วงว่าเราถือพรหมจรรย์แล้วเราไม่มีลูกมีเต้า ใครจะมาดูแล
พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ จนป่านนี้เขายังระลึกถึงบุญถึงคุณ เราทำคุณงามความดี ศาสนทายาท เวลาศาสนทายาท ทายาทโดยธรรม ถ้าทายาทโดยธรรม ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพยายามรักษาเพื่อสร้างทายาทๆ สิ่งนี้ให้มันมั่นคงขึ้นมา ถ้ามันมั่นคงขึ้นมา สร้างพระได้องค์หนึ่ง จากใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง
เวลาเป็นพ่อเป็นแม่กัน เกิดมาจากไหน? เกิดมาจากท้อง ๙ เดือนแล้วคลอดออกมาถึงเป็นลูกเป็นเต้าของเรามา นี่สิ่งที่การเกิดมา แล้วถ้าเราถือพรหมจรรย์ล่ะ ถือพรหมจรรย์ เราขวนขวาย ศีล สมาธิ ปัญญาไง ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเรามีศีล มีศีลมีการรักษาไว้ แล้วเรามีสมาธิ มีความมั่นคงของเรา ถ้ามันเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมา
เวลาเราทำสมาธิขึ้นมา ถึงพุทโธ พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เราดูแลพ่อเรา ถ้าเราใช้ปัญญาภาวนามยปัญญาแยกแยะของมัน แยกแยะของมัน เราเข้าถึงสัจธรรมๆ สัจธรรมอันนี้ นี่เข้าถึงสัจธรรม เราก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน เราก็แสวงหาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราถือพรหมจรรย์แล้วเราไม่มีสิ่งใดเลย ไม่มีที่พึ่งอาศัยเลย จิตใจมันก็เหี่ยวแห้ง นั้นเป็นสมมุติ นี้เป็นบัญญัติ สมมุติคือสมมุติโลกไง มันมีอยู่จริง จริงตามสมมุติไง การเวียนว่ายตายเกิดมันมีอยู่จริง มันมีอยู่จริงเพราะเรามีจิตของเราจริง เรามีเวรมีกรรมของเราจริง เราถึงได้เวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้
เวียนว่ายตายเกิดขึ้นมาแล้ว เกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาแจกแจงแยกแยะถึงว่า ทำไมถึงเวียนว่ายตายเกิด แล้วทำไมถึงจะเป็นคนดี คนดีเพื่อมีบุญกุศล เพื่อจะไม่ให้มันทุกข์มันยากจนเกินไป อย่าให้น้ำตามันท่วมนอง ท่วมนองใบหน้าจนทุกภพทุกชาติ ถ้ามีสติปัญญา น้ำตาจะไม่ท่วมนอง แม้แต่วันแม่ขึ้นมาน้ำตามันท่วมนอง ท่วมนองอย่างนี้ท่วมนองด้วยความสุข มันเป็นธรรมสังเวช มันสังเวชในธรรม มันสะเทือนหัวใจ มันไม่ใช่ท่วมนองด้วยความทุกข์ เวลามันท่วมนองด้วยความสุข ด้วยความตื้นตันใจ เห็นไหม เรามีสติมีปัญญา เราคัดเลือกของเรา แล้วถ้ามันมีสติมีปัญญา มันเข้าสู่สัจธรรมๆ เวลามันเข้ามาสำรอก เข้ามาคายมันออก คายอะไรล่ะ? คายหัวใจอันนี้ไง
ถ้าหัวใจอันนี้มันประเสริฐ ถ้ามันประเสริฐขึ้นมา เราถือพรหมจรรย์ๆ มันเหี่ยวแห้ง เหี่ยวแห้งตรงไหน มันเหี่ยวแห้งเพราะว่ากิเลสไง เหี่ยวแห้งเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจไง เหี่ยวแห้งเพราะว่าเวลากิเลสมันจรมา มันเข้ามาในหัวใจ มันรุกล้ำ มันบุกบั่น มันทำให้หัวใจมันหวั่นไหวไง เราจะอยู่อย่างไร เราจะอยู่อย่างไร มันจะอยู่อย่างไร
เวลาบาปอกุศล มีลูกเต้ามหาศาลเลย แล้วเวลาแบ่งทรัพย์สมบัติไปแล้วมันก็ไสหัวไปเลย แล้วก็จะไปนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าไง มีบุญมาก มีลูกมาก มีสมบัติมาก แบ่งให้มันไปหมดแล้ว แล้วมันก็ทิ้งหมดเลย ไปอยู่กับคนนู้น ไอ้คนนู้นปฏิเสธก็ไปอยู่กับคนนู้น นี่ไง ถึงตอนนั้นน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า นี่ไง ก็มันอยากมีความอบอุ่นไง
แต่ถ้าเรามีคุณธรรมของเรา เราถือพรหมจรรย์ของเรา เรามีสติปัญญาของเรา เรารักษาหัวใจของเรา เราเป็นคนดี มันจะดูแลก็ให้มันดูแล ถ้ามันไม่ดูแล กูก็ดูแลตัวกูเองได้เว้ย มันไม่ดูแลหัวใจเราก็ชื่นบานใช่ไหม หัวใจเราชื่นบาน เรารู้ มันเป็นอนิจจัง มันเป็นอนิจจัง เพราะสิ่งที่เป็นอนิจจังมันไม่ได้ดั่งใจมันก็เป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์นะ ถ้าเรามีสติปัญญามันก็เป็นอนัตตา ความทุกข์เป็นอนัตตา มันแปรสภาพ ความทุกข์มันไม่อยู่กับเราหรอก ถ้าความทุกข์ ถ้าเรามีสติปัญญาขึ้นมา ความทุกข์มันจะเกาะหัวใจเราได้อย่างไร หัวใจเรามันมีคุณธรรมในใจ มันจะเกาะหัวใจของเรา เราชื่นบานของเรา มันจะดูแลไม่ดูแลมันเรื่องของมัน มันเป็นบุญกุศลของมัน
ถ้ามันไม่ดูแล มันเป็นคนอกตัญญู เพื่อนมันก็ไม่คบ ชาวบ้านเขาติเตียน แต่ถ้ามันดูแลก็เป็นบุญกุศลของมัน บุญกุศลของมันเพราะอะไร เพราะเป็นเครื่องหมายของคนดี ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี เขามีเครื่องหมายประจำตัวของเขาว่าเขาเป็นคนดี ถ้าเขาเป็นคนดี เพราะเขาทำ ฉะนั้น เราไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจเลย ถ้าใครมันดูแล นั่นล่ะเครื่องหมายของมัน การกระทำของเขา การกระทำของเขา พฤติกรรมของเขามันจะบอกถึงจริตนิสัยของเขา พฤติกรรมของเขา เขาเห็นแก่ตัวของเขา เขาเอาแต่ได้ของเขา มันก็เป็นพฤติกรรมของเขา
นี่ไง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชัดเจนมาก ชัดเจนมาก ใครทำใครได้ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใครทำคุณงามความดี ความดีจะส่งเสริมขึ้นไปตลอด ยิ่งคุณงามความดีมากขึ้นมันจะมีคุณงามความดีมากขึ้น
แต่เราบอกคุณงามความดีเป็นอย่างไรล่ะ บวชมาก็อยู่คนเดียว เข้าไปในป่าในเขาก็ไปนั่งอยู่คนเดียว มันความดีอย่างไรล่ะ
ความดีที่หัวใจมันรู้จักสัจจะความจริง ความจริง ธรรมชาติเป็นความจริง ในป่าในเขาเป็นสัจจะ เป็นธรรมชาติอย่างนั้น ในสังคมเมืองมันเป็นของสมมุติทั้งนั้น ใครเป็นคนสร้างมา ไฟดับทีเดียว เมืองทั้งเมืองมันเดือดร้อนทั้งเมืองเลย ไฟดับนะ ไม่มีข้าวกิน มันหุงข้าวกันไม่เป็น มันรอกดปุ่ม ไฟไม่มาไม่มีข้าวกิน ในเมืองสร้างขึ้นมา เราต้องบำรุงรักษา ต้องดูแล เรารู้ว่าสิ่งนี้มันต้องมีการบำรุงรักษา มันอยู่อย่างนั้นไม่ได้ เราอยากเจอความจริง เราเข้าป่าเข้าเขาของเราไป เราไปอยู่กับความจริงของเรา
นี่ไง ธรรมชาติเป็นแบบนั้น น้ำมาก็มาตามลำธารเท่านั้น เราอยู่ที่ไหนเราต้องอาศัยแหล่งน้ำ เราต้องใกล้ลำธาร ใกล้สถานที่มีน้ำใช้ แล้วกลางคืนขึ้นมาไม่มีไฟฟ้า สัตว์มันออกหากินกลางคืน นักล่ามันหาอาหารของมัน ถ้าเรามีเวรมีกรรม เราคุ้มครองไม่ได้ มันก็จะมาเอาเนื้อเราเป็นอาหารของมัน มันเป็นธรรมชาติของมัน แล้วจิตใจของเราล่ะ หวั่นไหวไหม กลัวไหม นี่ไง จะหาพ่อแม่ของเราไง จะหาพุทธะ จะหาธรรมะ
พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ถ้าผู้รู้มันตื่น พุทโธๆ จนมันตื่นขึ้นมา มันชื่นบานขึ้นมา อะไรมันจะมาล่า จิตถ้ามันลงแล้ว อะไรมันจะล่า มันมีแต่เข้ามาเคารพบูชา หลวงปู่มั่นอยู่ในป่านะ เวลาเสือมันมาดมที่มุ้ง เสียงมันมาดมฟืดฟาดๆ นี่มันมาดม มันมาดมแล้วมันก็ถอยออกไป
สิ่งนี้มันเป็นจริง มันเป็นจริง ถ้าจิตใจเราเป็นจริงขึ้นมา เราจะมีพ่อมีแม่ มีพระพุทธ พระธรรมคุ้มครอง เราจะมีสัจธรรมคุ้มครอง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เรามีศีล ศีลธรรมจะคุ้มครองเรา ศีล ๕ มันจะคุ้มครองเรา เรามีธรรมะขึ้นมามันจะคุ้มครองเรา เรามีพ่อมีแม่เป็นพ่อแม่โดยชาติ พ่อแม่เกิดโดยสมมุติ พ่อแม่โดยเกิดในวัฏฏะ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติ เราจะมีพ่อแม่ของเรา เราจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจของเรา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในหัวใจของเรามันจะคุ้มครองหัวใจของเรา คุ้มครองให้เราเป็นคนดี
คนดีมันคิดชั่วไม่ได้ คนดีมันจะทำสิ่งเลวทรามไม่ได้ แล้วคนดีอย่างนี้พ่อแม่อุ่นใจ นี่พ่อแม่โอ๋แล้วโอ๋อีกนะ ลูกนะ ทำอย่างนี้นะ ลูกทำอย่างนี้นะ นี่เขาบอก แต่ถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจนะ ไม่ต้องมีใครบอก มันเป็นปัจจัตตัง มันเป็นสัจธรรม มันเป็นสันทิฏฐิโกในหัวใจ ในหัวใจมันขยับออก มันรู้แล้ว มันรู้ทันที สติปัญญามันทัน ถ้ามันมีพ่อแม่คุ้มครองอย่างนี้ มันมีคุณธรรมนะ มันคนดีจริงๆ
ถ้าวันแม่ มันเป็นวัฒนธรรมของเรานะ วันแม่ๆ เราก็ดูพ่อแม่ของเรา น้ำแก้วหนึ่งดีกว่าน้ำไปตั้งหน้าโลงศพนะ น้ำแก้วหนึ่งมันมาจากหัวใจ พ่อแม่ได้รับน้ำแก้วหนึ่งมันจะอบอุ่น มันจะภูมิใจ เออ! เลี้ยงดูมาแล้วมันสมประโยชน์ของเรา
น้ำแก้วหนึ่งจากลูก เราให้พ่อให้แม่ได้ดื่มได้กิน มันไม่ใช่อยู่ที่น้ำแก้วนั้นหรอก มันอยู่ที่ความผูกพัน มันอยู่ที่ความคิดถึง มันอยู่ที่น้ำใจ น้ำใจมันสำคัญกว่าทุกๆ อย่าง แต่ถ้าไม่มีน้ำใจนะ น้ำแก้วหนึ่งก็ไม่มี ถึงเวลาพ่อแม่ตายแล้วไปตั้งไว้หน้าศพ แม่กินนะ แม่กินนะ ถึงตอนนั้นแล้วจะเสียใจ เอวัง